สงสัยกันใช่ไหมละครับ ว่าปกติแล้ว เวลาที่เราทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์เราไปติดหน้าแรกของ Google เนี่ย อัลกอริทึม Google นั่นมีการประมวลผลในแต่ละอันดับอย่างไร ซึ่งปัจจัยที่นำมาใช้ในการประมวลผลจัดอันดับนั้น มีมากจนนึกไม่ถึงเลยว่า Google จะมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณามากขนาดนี้ ซึ่งวันนี้ ผมได้รวบรวมการประมวลผลเหล่านั้น มาฝากทุกคนกันครับ
การประมวลผลของ อัลกอริทึม Google
- อายุของโดเมน ที่มีระยะเวลาในการจดสั้นจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าโดเมนที่จดมานานแล้ว
- คีย์เวิร์ดที่ขึ้นต้นชื่อโดเมน มีความได้เปรียบกว่าเว็บไซต์ที่ไม่มีคีย์เวิร์ดบนโดเมน
- คีย์เวิร์ดในซับโดเมน สามารถเพิ่มอันดับให้กับเว็บไซต์ได้
- การใช้โดเมนที่เป็นรหัสต้น ๆ ของประเทศ เช่น .cn, .pt, .ca) ช่วยจัดอันดับเว็บไซต์ในแต่ละประเทศนั้น ๆ ได้ แต่อาจจำกัดความสามารถในการจัดอันดับทั่วโลก
- คีย์เวิร์ดบน Title Tag แม้หลาย ๆ คนจะมองว่าไม่สำคัญ แต่ก็ยังเป็นปัจจัยที่ใช้ประมวลผล SEO
- Title Tag ควรมีคีย์เวิร์ดอยู่หน้าสุด เพราะจะส่งผลได้ดีกว่าการที่เอาไปใส่ไว้ด้านหลัง
- Google ไม่ได้นำ Meta Tag มาประมวลผลโดยตรง แต่ Meta Tag ส่งผลต่ออัตราการคลิกผ่านของผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดอันดับ
- H1 ก็ควรมีคีย์เวิร์ดอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะ Google ประมวลผล Title Tag กับ H1 ร่วมกัน โดยดู H1 รองลงมา
- การที่มีคีย์เวิร์ดหรือเนื้อหาซ้ำไปมาในหน้าเว็บไซต์ ส่งผลเสียให้กับการจัดอันดับ
- เนื้อหาที่มีความยาวและครอบคลุมกับคำที่ค้นหา สามารถทำงานได้ดีกว่าเนื้อหาที่มีเพียงผิวเผิน
- สารบัญอ้างอิงที่มาช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของคุณได้ดีและจัดประเภทของเว็บไซต์ของคุณได้
- ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ เป็นหนึ่งในปัจจัยของการจัดอันดับ
- Google ใช้ข้อมูลผู้ใช้ Chrome ในการวัดว่าหน้าเว็บไซต์โหลดขึ้นให้ผู้ใช้ใช้งานได้เร็วแค่ไหน
- เพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพด้วยการใส่คีย์เวิร์ดไปยังชื่อไฟล์รูปหรือ Alt Tag
- การอัปเดตเนื้อหาใหม่ ๆ เสมอในหน้านั้น ส่งผลต่อการจัดอันดับที่ดีขึ้น
- มีคีย์เวิร์ดปรากฏอยู่ในเนื้อหา 100 คำแรก ทำให้มีโอกาสติดอันดับในหน้าแรก
- Outbound Link ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของหน้าเว็บไซต์นั้น
- Outbound Link ที่มากเกินไป อาจเบี่ยงเบนความสนใจของเนื้อหาหลัก
- การสะกดคำหรือไวยากรณ์ บ่งบอกถึงคุณภาพของเว็บไซต์
- ไม่ควรคัดลอกเนื้อหามา ถ้าถูกจับได้ว่าเป็นเนื้อหาที่ถูกคัดลอก จะไม่ได้รับการจัดอันดับ
- หน้าเว็บไซต์ต้องรองรับการทำงานในหลาย ๆ อุปกรณ์
- การแทรก Internal Link ไว้บนเว็บไซต์ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์
- ลิงก์เว็บไซต์ที่มีปัญหาหรือเสีย แสดงว่าเว็บไซต์ของคุณถูกละเลย ไม่มีการดูแล
- Affiliate Link อาจไม่ส่งผลเสียต่ออันดับ แต่ Google มีโอกาสจะไปให้ความสำคัญกับลิงก์อื่น ๆ มากกว่า ถ้าหากคุณเป็นเว็บไซต์ที่มีขนาดเล็ก
- เนื้อหาบนเว็บไซต์ที่เบสิกและอ่านง่าย จะทำให้อันดับดีขึ้น
- HTML ที่ผิดพลาด อาจทำให้เว็บไซต์ถูกจัดว่ามีคุณภาพต่ำ ส่งผลเสียให้แก่คุณ
- โดเมนที่มีความน่าเชื่อถือมักได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่า
- URL ที่ยาวเกินไป ส่งผลต่อการมองเห็นของเครื่องมือการค้นหา ยิ่งสั้นยิ่งได้เปรียบ
- คีย์เวิร์ดบนลิงก์เป็นอีกหนึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องในการทำ SEO
- สัญลักษณ์ในหัวข้อย่อยและจำนวนเลขข้อ ช่วยให้เนื้อหาของคุณเป็นมิตรกับการอ่านของผู้ใช้มากขึ้น
- Google จะไม่ให้คะแนนเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเดิม ๆ ไม่มีการอัปเดตสิ่งใหม่ โดยเฉพาะเว็บไซต์ขนาดเล็ก
- โครงสร้างของเว็บไซต์ที่ดี ช่วยให้ Google สามารถจัดระเบียบการค้นหาของคุณได้ตามหัวข้อต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังช่วยให้ Google เข้าถึงและจัดทำดัชนีหน้าเว็บไซต์ทั้งหมดของคุณได้
- หากเว็บไซต์ของคุณหยุดการทำงานเป็นเวลานานหรือมีปัญหาเซิร์ฟเวอร์จนส่งผลเสียแก่เว็บไซต์ อาจมีผลให้อันดับของคุณตกหล่นลง
- Google ยืนยันว่าใช้ HTTPS เป็นหนึ่งในการจัดอันดับ
- ข้อมูลในเมต้าที่ซ้ำกันส่งผลให้อันดับของคุณลดลง
- เว็บไซต์ที่ใช้งานยาก อาจส่งผลให้เกิด Bource Rate
- Google Analytics และ Google Search Console ช่วยปรับปรุงให้เว็บไซต์ของคุณ พร้อมทั้งส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับด้วยการส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้ Google
- รีวิวหรือชื่อเสียง มีบทบาทสำคัญต่อ อัลกอริทึม Google
- PageRank เป็นปัจจัยที่สำคัญมากสำหรับ Google
- ลิงก์ที่ถูกฝังในเนื้อหา มักมีประสิทธิภาพมากกว่าลิงก์ที่อยู่ในหน้าเว็บไซต์เปล่า ๆ
- ลิงก์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหามักมีประสิทธิภาพมากกว่าลิงก์ที่ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ เลย
- ลิงก์จากเพจที่ได้รับความน่าเชื่อถือ มักได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
- ลิงก์ที่มาจาก Wikipedia มักได้รับความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือในสายตาของเครื่องมือการค้นหา
- ลิงก์ที่ได้รับการคลิกมากขึ้นใน CTR อาจได้รับการเพิ่ม SERP สำหรับคีย์เวิร์ดนั้น ๆ
- เว็บไซต์ที่มีการเข้าชมโดยตรงโดนการพิมพ์ URL จะถูกจัดว่ามีคุณภาพสูง
- เว็บไซต์ที่ได้รับการเข้าชมซ้ำ ๆ อาจได้รับการเพิ่มอันดับใน Google
- หน้าเว็บไซต์ที่ได้รับการ Bookmark อาจได้รับการพิจารณา
- หน้าเว็บไซต์ที่มีความคิดเห็นเยอะ ๆ แสดงให้เห็นถึงการตอบโต้กับผู้ใช้และคุณภาพผู้ใช้ พร้อมทั้งส่งผลต่อการจัดอันดับ
- ผู้ใช้งานถ้าอยู่ในเว็บไซต์คุณยิ่งนานเท่าไหร่ยิ่งดี
- Google เลือกเนื้อหาโดยใช้ Featured Snippets โดยพิจารณาจากความยาวของเนื้อหา, การจัดรูปแบบการใช้งานบนเพจและการใช้งาน HTTP
- Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มี IP Server ภายในและนามสกุลโดเมนเฉพาะประเทศ
- เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ใหญ่จะไม่ปรากฏใน Safe Search
- ผู้ใช้งานที่ค้นหาชื่อแบรนด์ของคุณ ซึ่งเป็นคีย์เวิร์ดหลัก Google อาจเพิ่มการจัดอันดับให้คุณ
- เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคุณภาพต่ำ จะถูกมองเห็นได้น้อย หลังจากที่พิจารณาจากอัลกอริทึมแพนด้า
- การแอบเปลี่ยนเส้นทางของลิงก์ อาจไม่ถูกพิจารณา
- Pop-up หรือโฆษณาที่ก่อเกิดความน่ารำคาญ ทำให้เว็บไซต์ของคุณได้รับคุณภาพต่ำ
- Google จะมีการลงโทษเว็บไซต์ที่มีความพยายามเพิ่มประสิทธิภาพมากเกินไป
- การโฆษณาครึ่งหน้าเว็บไซต์ไม่ได้ส่งผลที่ดี
- ถ้าเว็บไซต์ถูกแฮ็ก อาจทำให้คุณหลุดจากหน้าการค้นหา
- Google Sandbox ทำหน้าที่จำกัดการมองเห็นชั่วคราว
นี่เป็นเพียงหลักเกณฑ์ที่ผมรวบรวมเกี่ยวกับ อัลกอริทึม Google ที่ถูกนำไปพิจารณาเพื่อจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณ บางข้อหลาย ๆ คนคงรู้อยู่แล้ว แต่บางข้อก็ยังไม่รู้ นอกจากนี้ ยังมีอัลกอริทึม ที่กูลเกิลนำเข้ามาใช้พิจารณาผลการจัดอันดับด้วยอีก 9 แบบ โดยมีดังต่อไปนี้
- Panda Algorithm
เป็นอัลกอริทึมที่ใช้ตรวจวัดและจัดอันดับของเว็บไซต์ โดยจะเน้นไปที่เนื้อหาซะส่วนใหญ่ ทำการลดอันดับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพ, เนื้อหาที่โดนสแปม, เนื้อหาที่ลอกเว็บไซต์อื่น และเนื้อหาที่น้อยเกินไป - Penguin Algorithm
เป็นอัลกอริทึมที่มีไว้ตรวจสอบการเชื่อมโยงกับ BackLink จากเว็บไซต์ภายนอกที่ถูกมองว่าเป็นสแปม โดยมีการทำงานแบบเรียลไทม์ พิจารณาเว็บไซต์ที่มีการเชื่อมโยงลิงก์ที่ไม่มีคุณภาพ ให้ถูกลดอันดับลงได้ - Pirate Algorithm
เป็นอัลกอริทึมที่ตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น เพลง, ภาพยนตร์, บทความ - Hummingbird
เป็นอัลกอริทึมที่นำเสนอเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับคำที่ผู้ใช้งานค้นหา แทนที่จะโฟกัสแค่ Keyword เพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งประมวลผลสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหาไปจนถึงความหมายของคำ ๆ นั้น เพื่อให้ผลการค้นหาออกมาถูกตามต้องการ - Pigeon
เป็นอัลกอริทึมที่คำนึงผลการค้นหาจากเว็บไซต์ท้องถิ่น โดยยึดตำแหน่งของผู้ค้นหาเป็นหลัก หากเว็บไซต์ของคุณไม่มีการระบุถึงที่อยู่ เบอร์โทรหรือไม่มีการอ้างอิงท้องถิ่นนั้น อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณไม่ถูกแสดงในหน้าผลการค้นหา - Mobile Friendly Update
เป็นอัลกอริทึมที่ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณสามารถรองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือไม่ ถ้ายิ่งเว็บไซต์ของคุณออกแบบมาให้รองรับได้ทุกอุปกรณ์ ผลการจัดอันดับของคุณก็จะขึ้นไปอยู่ยังหน้าแรก ๆ ได้ - RankBrain
เป็นอัลกอริทึมที่นำระบบ Machine Leaning เข้ามาใช้ในการประมวลผลการค้นหาให้ดีขึ้น ตอบสนองผลการค้นหาของผู้ใช้งานได้ - Possom
เป็นอัลกอริทึมที่กรองการจัดอันดับในท้องถิ่น ยิ่งถ้าผู้ค้นหาอยู่ใกล้กับธุรกิจนั้น ๆ มากเท่าไหร่ ก็มีสิทธิ์ที่จะค้นหาธุรกิจนั้นเจอได้ง่ายกว่าธุรกิจอื่น ๆ - Fred
เป็นอัลกอริทึมที่กรองผลการค้นหาที่หวังประโยชน์เพียงอย่างเดียว เช่น ต้องการสร้างรายได้โฆษณา, สร้างรายได้จาก Affiliate เป็นต้น
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมหวังว่าข้อมูลที่ผมรวบรวมมา จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านสำหรับการไปทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ของผู้อ่านทุกคน ครั้งหน้า ผมจะมีความรู้หรือข้อมูลดี ๆ อะไรมาฝากอีก รอติดตามกันได้ครับ
ที่มา https://backlinko.com/google-ranking-factors
https://www.google.com/search/howsearchworks
https://papayiw.com/google-algorithm-seo