อัลกอริทึม Google จัดอันดับการค้นหาบนหน้าแรกอย่างไร ?

อัลกอริทึม Google จัดอันดับการค้นหาบนหน้าแรกอย่างไร ?

สงสัยกันใช่ไหมละครับ ว่าปกติแล้ว เวลาที่เราทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์เราไปติดหน้าแรกของ Google เนี่ย อัลกอริทึม Google นั่นมีการประมวลผลในแต่ละอันดับอย่างไร ซึ่งปัจจัยที่นำมาใช้ในการประมวลผลจัดอันดับนั้น มีมากจนนึกไม่ถึงเลยว่า Google จะมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณามากขนาดนี้ ซึ่งวันนี้ ผมได้รวบรวมการประมวลผลเหล่านั้น มาฝากทุกคนกันครับ

การประมวลผลของ อัลกอริทึม Google

  1. อายุของโดเมน ที่มีระยะเวลาในการจดสั้นจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าโดเมนที่จดมานานแล้ว
  2. คีย์เวิร์ดที่ขึ้นต้นชื่อโดเมน มีความได้เปรียบกว่าเว็บไซต์ที่ไม่มีคีย์เวิร์ดบนโดเมน
  3. คีย์เวิร์ดในซับโดเมน สามารถเพิ่มอันดับให้กับเว็บไซต์ได้คีย์เวิร์ดในซับโดเมน
  4. การใช้โดเมนที่เป็นรหัสต้น ๆ ของประเทศ เช่น .cn, .pt, .ca) ช่วยจัดอันดับเว็บไซต์ในแต่ละประเทศนั้น ๆ ได้ แต่อาจจำกัดความสามารถในการจัดอันดับทั่วโลก
  5. คีย์เวิร์ดบน Title Tag แม้หลาย ๆ คนจะมองว่าไม่สำคัญ แต่ก็ยังเป็นปัจจัยที่ใช้ประมวลผล SEO
  6. Title Tag ควรมีคีย์เวิร์ดอยู่หน้าสุด เพราะจะส่งผลได้ดีกว่าการที่เอาไปใส่ไว้ด้านหลัง
  7. Google ไม่ได้นำ Meta Tag มาประมวลผลโดยตรง แต่ Meta Tag ส่งผลต่ออัตราการคลิกผ่านของผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดอันดับ
  8. H1 ก็ควรมีคีย์เวิร์ดอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะ Google ประมวลผล Title Tag กับ H1 ร่วมกัน โดยดู H1 รองลงมาH1 ก็ควรมีคีย์เวิร์ดอยู่ด้วยเช่นกัน
  9. การที่มีคีย์เวิร์ดหรือเนื้อหาซ้ำไปมาในหน้าเว็บไซต์ ส่งผลเสียให้กับการจัดอันดับ
  10. เนื้อหาที่มีความยาวและครอบคลุมกับคำที่ค้นหา สามารถทำงานได้ดีกว่าเนื้อหาที่มีเพียงผิวเผิน
  11. สารบัญอ้างอิงที่มาช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของคุณได้ดีและจัดประเภทของเว็บไซต์ของคุณได้
  12. ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ เป็นหนึ่งในปัจจัยของการจัดอันดับความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์
  13. Google ใช้ข้อมูลผู้ใช้ Chrome ในการวัดว่าหน้าเว็บไซต์โหลดขึ้นให้ผู้ใช้ใช้งานได้เร็วแค่ไหน
  14. เพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพด้วยการใส่คีย์เวิร์ดไปยังชื่อไฟล์รูปหรือ Alt Tag
  15. การอัปเดตเนื้อหาใหม่ ๆ เสมอในหน้านั้น ส่งผลต่อการจัดอันดับที่ดีขึ้น
  16. มีคีย์เวิร์ดปรากฏอยู่ในเนื้อหา 100 คำแรก ทำให้มีโอกาสติดอันดับในหน้าแรก
  17. Outbound Link ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของหน้าเว็บไซต์นั้น
  18. Outbound Link ที่มากเกินไป อาจเบี่ยงเบนความสนใจของเนื้อหาหลัก
  19. การสะกดคำหรือไวยากรณ์ บ่งบอกถึงคุณภาพของเว็บไซต์
  20. ไม่ควรคัดลอกเนื้อหามา ถ้าถูกจับได้ว่าเป็นเนื้อหาที่ถูกคัดลอก จะไม่ได้รับการจัดอันดับ
  21. หน้าเว็บไซต์ต้องรองรับการทำงานในหลาย ๆ อุปกรณ์
  22. การแทรก Internal Link ไว้บนเว็บไซต์ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์
  23. ลิงก์เว็บไซต์ที่มีปัญหาหรือเสีย แสดงว่าเว็บไซต์ของคุณถูกละเลย ไม่มีการดูแล
  24. Affiliate Link อาจไม่ส่งผลเสียต่ออันดับ แต่ Google มีโอกาสจะไปให้ความสำคัญกับลิงก์อื่น ๆ มากกว่า ถ้าหากคุณเป็นเว็บไซต์ที่มีขนาดเล็ก
  25. เนื้อหาบนเว็บไซต์ที่เบสิกและอ่านง่าย จะทำให้อันดับดีขึ้นเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่เบสิกและอ่านง่าย
  26. HTML ที่ผิดพลาด อาจทำให้เว็บไซต์ถูกจัดว่ามีคุณภาพต่ำ ส่งผลเสียให้แก่คุณ
  27. โดเมนที่มีความน่าเชื่อถือมักได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่า
  28. URL ที่ยาวเกินไป ส่งผลต่อการมองเห็นของเครื่องมือการค้นหา ยิ่งสั้นยิ่งได้เปรียบ
  29. คีย์เวิร์ดบนลิงก์เป็นอีกหนึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องในการทำ SEO
  30. สัญลักษณ์ในหัวข้อย่อยและจำนวนเลขข้อ ช่วยให้เนื้อหาของคุณเป็นมิตรกับการอ่านของผู้ใช้มากขึ้น
  31. Google จะไม่ให้คะแนนเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเดิม ๆ ไม่มีการอัปเดตสิ่งใหม่ โดยเฉพาะเว็บไซต์ขนาดเล็ก
  32. โครงสร้างของเว็บไซต์ที่ดี ช่วยให้ Google สามารถจัดระเบียบการค้นหาของคุณได้ตามหัวข้อต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังช่วยให้ Google เข้าถึงและจัดทำดัชนีหน้าเว็บไซต์ทั้งหมดของคุณได้
  33. หากเว็บไซต์ของคุณหยุดการทำงานเป็นเวลานานหรือมีปัญหาเซิร์ฟเวอร์จนส่งผลเสียแก่เว็บไซต์ อาจมีผลให้อันดับของคุณตกหล่นลง
  34. Google ยืนยันว่าใช้ HTTPS เป็นหนึ่งในการจัดอันดับGoogle ยืนยันว่าใช้ HTTPS
  35. ข้อมูลในเมต้าที่ซ้ำกันส่งผลให้อันดับของคุณลดลง
  36. เว็บไซต์ที่ใช้งานยาก อาจส่งผลให้เกิด Bource Rate
  37. Google Analytics และ Google Search Console ช่วยปรับปรุงให้เว็บไซต์ของคุณ พร้อมทั้งส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับด้วยการส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้ Google
  38. รีวิวหรือชื่อเสียง มีบทบาทสำคัญต่อ อัลกอริทึม Google
  39. PageRank เป็นปัจจัยที่สำคัญมากสำหรับ Google
  40. ลิงก์ที่ถูกฝังในเนื้อหา มักมีประสิทธิภาพมากกว่าลิงก์ที่อยู่ในหน้าเว็บไซต์เปล่า ๆ
  41. ลิงก์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหามักมีประสิทธิภาพมากกว่าลิงก์ที่ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ เลย
  42. ลิงก์จากเพจที่ได้รับความน่าเชื่อถือ มักได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
  43. ลิงก์ที่มาจาก Wikipedia มักได้รับความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือในสายตาของเครื่องมือการค้นหา
  44. ลิงก์ที่ได้รับการคลิกมากขึ้นใน CTR อาจได้รับการเพิ่ม SERP สำหรับคีย์เวิร์ดนั้น ๆ
  45. เว็บไซต์ที่มีการเข้าชมโดยตรงโดนการพิมพ์ URL จะถูกจัดว่ามีคุณภาพสูง
  46. เว็บไซต์ที่ได้รับการเข้าชมซ้ำ ๆ อาจได้รับการเพิ่มอันดับใน Google
  47. หน้าเว็บไซต์ที่ได้รับการ Bookmark อาจได้รับการพิจารณา
  48. หน้าเว็บไซต์ที่มีความคิดเห็นเยอะ ๆ แสดงให้เห็นถึงการตอบโต้กับผู้ใช้และคุณภาพผู้ใช้ พร้อมทั้งส่งผลต่อการจัดอันดับ
  49. ผู้ใช้งานถ้าอยู่ในเว็บไซต์คุณยิ่งนานเท่าไหร่ยิ่งดี
  50. Google เลือกเนื้อหาโดยใช้ Featured Snippets โดยพิจารณาจากความยาวของเนื้อหา, การจัดรูปแบบการใช้งานบนเพจและการใช้งาน HTTP
  51. Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มี IP Server ภายในและนามสกุลโดเมนเฉพาะประเทศ
  52. เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ใหญ่จะไม่ปรากฏใน Safe Search
  53. ผู้ใช้งานที่ค้นหาชื่อแบรนด์ของคุณ ซึ่งเป็นคีย์เวิร์ดหลัก Google อาจเพิ่มการจัดอันดับให้คุณ
  54. เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคุณภาพต่ำ จะถูกมองเห็นได้น้อย หลังจากที่พิจารณาจากอัลกอริทึมแพนด้า
  55. การแอบเปลี่ยนเส้นทางของลิงก์ อาจไม่ถูกพิจารณา
  56. Pop-up หรือโฆษณาที่ก่อเกิดความน่ารำคาญ ทำให้เว็บไซต์ของคุณได้รับคุณภาพต่ำ
  57. Google จะมีการลงโทษเว็บไซต์ที่มีความพยายามเพิ่มประสิทธิภาพมากเกินไป
  58. การโฆษณาครึ่งหน้าเว็บไซต์ไม่ได้ส่งผลที่ดี
  59. ถ้าเว็บไซต์ถูกแฮ็ก อาจทำให้คุณหลุดจากหน้าการค้นหา
  60. Google Sandbox ทำหน้าที่จำกัดการมองเห็นชั่วคราว

นี่เป็นเพียงหลักเกณฑ์ที่ผมรวบรวมเกี่ยวกับ อัลกอริทึม Google ที่ถูกนำไปพิจารณาเพื่อจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณ บางข้อหลาย ๆ คนคงรู้อยู่แล้ว แต่บางข้อก็ยังไม่รู้ นอกจากนี้ ยังมีอัลกอริทึม ที่กูลเกิลนำเข้ามาใช้พิจารณาผลการจัดอันดับด้วยอีก 9 แบบ โดยมีดังต่อไปนี้

  1. Panda Algorithm
    เป็นอัลกอริทึมที่ใช้ตรวจวัดและจัดอันดับของเว็บไซต์ โดยจะเน้นไปที่เนื้อหาซะส่วนใหญ่ ทำการลดอันดับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพ, เนื้อหาที่โดนสแปม, เนื้อหาที่ลอกเว็บไซต์อื่น และเนื้อหาที่น้อยเกินไป
  2. Penguin Algorithm
    เป็นอัลกอริทึมที่มีไว้ตรวจสอบการเชื่อมโยงกับ BackLink จากเว็บไซต์ภายนอกที่ถูกมองว่าเป็นสแปม โดยมีการทำงานแบบเรียลไทม์ พิจารณาเว็บไซต์ที่มีการเชื่อมโยงลิงก์ที่ไม่มีคุณภาพ ให้ถูกลดอันดับลงได้
  3. Pirate Algorithm
    เป็นอัลกอริทึมที่ตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น เพลง, ภาพยนตร์, บทความ
  4. Hummingbird
    เป็นอัลกอริทึมที่นำเสนอเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับคำที่ผู้ใช้งานค้นหา แทนที่จะโฟกัสแค่ Keyword เพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งประมวลผลสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหาไปจนถึงความหมายของคำ ๆ นั้น เพื่อให้ผลการค้นหาออกมาถูกตามต้องการ
  5. Pigeon
    เป็นอัลกอริทึมที่คำนึงผลการค้นหาจากเว็บไซต์ท้องถิ่น โดยยึดตำแหน่งของผู้ค้นหาเป็นหลัก หากเว็บไซต์ของคุณไม่มีการระบุถึงที่อยู่ เบอร์โทรหรือไม่มีการอ้างอิงท้องถิ่นนั้น อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณไม่ถูกแสดงในหน้าผลการค้นหา
  6. Mobile Friendly Update
    เป็นอัลกอริทึมที่ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณสามารถรองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือไม่ ถ้ายิ่งเว็บไซต์ของคุณออกแบบมาให้รองรับได้ทุกอุปกรณ์ ผลการจัดอันดับของคุณก็จะขึ้นไปอยู่ยังหน้าแรก ๆ ได้
  7. RankBrain
    เป็นอัลกอริทึมที่นำระบบ Machine Leaning เข้ามาใช้ในการประมวลผลการค้นหาให้ดีขึ้น ตอบสนองผลการค้นหาของผู้ใช้งานได้
  8. Possom
    เป็นอัลกอริทึมที่กรองการจัดอันดับในท้องถิ่น ยิ่งถ้าผู้ค้นหาอยู่ใกล้กับธุรกิจนั้น ๆ มากเท่าไหร่ ก็มีสิทธิ์ที่จะค้นหาธุรกิจนั้นเจอได้ง่ายกว่าธุรกิจอื่น ๆ
  9. Fred
    เป็นอัลกอริทึมที่กรองผลการค้นหาที่หวังประโยชน์เพียงอย่างเดียว เช่น ต้องการสร้างรายได้โฆษณา, สร้างรายได้จาก Affiliate เป็นต้น

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมหวังว่าข้อมูลที่ผมรวบรวมมา จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านสำหรับการไปทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ของผู้อ่านทุกคน ครั้งหน้า ผมจะมีความรู้หรือข้อมูลดี ๆ อะไรมาฝากอีก รอติดตามกันได้ครับ

ที่มา https://backlinko.com/google-ranking-factors
https://www.google.com/search/howsearchworks
https://papayiw.com/google-algorithm-seo

Leave a Reply

Your email address will not be published.